เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๒ เม.ย. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ประกาศ! ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจะไม่มีการรดน้ำ น้ำแม้แต่หยดเดียวจะไม่ผ่านมือเรา เว้นไว้แต่เราเป็นศพแล้วมารดน้ำศพ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป น้ำแม้แต่หยดเดียวจะผ่านมือเราไม่ได้ ไม่มีการรดน้ำ ไม่มีการใดๆ ทั้งสิ้น การจัดดอกไม้ต่างๆ ถ้าจัดเป็นพิธีกรรม ถ้าจัดเป็นด้วยศรัทธาของเขาก็เรื่องของเขา แต่ถ้ามันจะวุ่นวายหมด...ไม่ได้

วัดปฏิบัติ เวลาเราปฏิบัติกันน่ะ เราต้องการวัดที่ดี เราต้องการปฏิบัติที่ดี แต่เอาความรู้สึกของเราเข้ามาจับว่าวัดที่ดีต้องเป็นที่ความมุ่งหมายของเราใช่ไหม วัดที่ดีต้องอ่อนน้อมตามเรา เราคิดอย่างไร สิ่งนั้นเป็นเจตนาที่ดี

วัฒนธรรมประเพณีนะ วันสงกรานต์เป็นวัฒนธรรมประเพณี ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เขาได้เงินน่ะเป็นพันๆ ล้าน หมื่นๆ ล้าน ไอ้นั่นมันเป็นเรื่องของเงินเรื่องของทองนะ แต่เรื่องของธรรมวินัย ธรรมวินัย อริยประเพณี ประเพณีวัฒนธรรมมันเป็นประโยชน์กับโลก เพราะมันเป็นในเชิงการท่องเที่ยว อริยประเพณี ผู้ที่เห็นภัยในวัฏสงสาร

อริยประเพณีไม่ใช่ประเพณี ประเพณีวัฒนธรรมไม่ใช่ธรรม

ประเพณีวัฒนธรรมมันตกผลึกมาจากหัวใจที่เป็นธรรม หัวใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นธรรมแล้วเผยแผ่ธรรมขึ้นมา แล้วมันเป็นวัฒนธรรมประเพณีกันมา แล้วเราไปติดกันที่ประเพณีวัฒนธรรม ถ้าติดประเพณีวัฒนธรรมเราจะเข้าไม่ถึงธรรม ทีนี้ประเพณีวัฒนธรรม กลายเป็นว่าประเพณีวัฒนธรรมต้องมีการปฏิสันถาร มีต่างๆ เพื่ออะไร ก็เพื่อหลอกเอาตังค์ฝรั่งไง แต่เราไม่ต้องการ เราไม่ต้องการทั้งสิ้น เราต้องการหัวใจของคน

ดูสิ เวลาเดี๋ยวนี้ปัจจุบันโลกมันเจริญ เวลาเดี๋ยวนี้ปัจจุบันเขาจะกินน้ำกัน เขาไปกดเอาตู้กด มันจะมีน้ำมาตลอดเลย แล้วถ้าเกิดไปกดตู้นะ แล้วน้ำมันไม่มี แล้วเอาน้ำมาจากไหนล่ะ นี่คือโลก โลกที่เจริญแล้วๆ ปัญญาชนๆ ไง แต่กรรมฐานเรานะ จะหาน้ำต้องขุดบ่อ ต้องขุดบ่อ น้ำจากบ่อ น้ำธรรมชาติมันไหลมาจากตาน้ำนั้น เราจะมาประเพณีวัฒนธรรมของเรา อริยประเพณีขึ้นมาก็เพื่อประพฤติปฏิบัติ แล้วประพฤติปฏิบัติ ทุกคนหาว่าที่ดี หาสิ่งที่ดีๆ วัดที่ดี เพราะกติกา

วัดคืออะไร? วัดคือโบสถ์ หินทราย …ไม่ใช่

วัฏ คือ วัฏฏะ

วัตร คือ ข้อวัตรปฏิบัติ

ถ้าประปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ การปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบมันต้องรักษาใช่ไหม จิตวิเวก กายวิเวก มันต้องกายวิเวก จิตมันถึงวิเวกได้ แล้วถ้ากายไม่วิเวก จิตมันจะวิเวกได้อย่างไร แล้วเราก็ตั้งใจกันมาๆ แล้วตั้งใจขึ้นมาแล้ว เรามาเพื่ออะไร ถ้าเรามาหาสิ่งที่ดีใช่ไหม เราก็ต้องตอบสนองในสิ่งที่ดี ถ้าสิ่งที่ดี แล้วเวลาเราตอบสนองสิ่งที่ดี นี่คือเจตนา แต่ความจริงมันเป็นอย่างนั้นไหมล่ะ

เวลาประพฤติปฏิบัติ กิเลสมันต่อต้านไหม กิเลสเราน่ะ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ภาวนา มันโอดโอยทั้งนั้นน่ะ มันอ่านหนังสือแล้วมันก็จะเอานิพพานออกมาจากหนังสือนั้นมาใส่หัวใจมันเลย ถ้ามันเป็นไปได้นะ พระพุทธเจ้าทำให้เสร็จหมดแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ พระพุทธเจ้าเป็นคนชี้ทางเท่านั้น เราต้องประพฤติปฏิบัติ

นี่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการประพฤติปฏิบัติ การประพฤติปฏิบัติมันต้องลงทุนลงแรงไง จะกินน้ำต้องขุดบ่อ ถ้าเรามีบ่อน้ำขึ้นมา เราจะมีน้ำนั้นกินตลอดชีวิตไป นี่ถ้าเราพุทโธๆ เราภาวนาจนหัวใจเรามันเป็นธรรมขึ้นมาน่ะ ถ้าหัวใจเราเป็นธรรมขึ้นมาน่ะ ทุกคนเป็นธรรมหมด ทุกคนมีธรรมในใจหมด นี่ร่มเย็นมากนะ สังคมร่มเย็นมาก

แต่นี่มันมีแต่ตื่นข่าว ตื่นตามกระแสไป ไปตามโลกๆ แล้วไปตามโลกๆ ไป พอมาถึงวัดแล้ว มันต้องมีกติกาสิ มันต้องมีเป็นไป ความเป็นจริงอันนั้น นี่เหมือนกัน สิ่งต่างๆ มันจะประเพณีๆ เราก็คล้อยตามประเพณีมาตลอดนะ เราคล้อยตามมา แต่บัดนี้...ไม่ได้! ไม่ได้!

เพราะชีวิตเราทั้งชีวิตนะ ครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติมาน่ะ ท่านอยู่ในป่าในเขามา เวลาต่อสู้กับกิเลสมาเอาอะไรไปต่อสู้ เอาชีวิตนี่เข้าแลกมา แล้วพอแลกมาออกมานี่เล่นขายของกัน เจ๊าะแจ๊ะ เจ๊าะแจ๊ะ เจ๊าะแจ๊ะ...น่าเบื่อ! น่าเบื่อมากๆ! แล้วก็บอกนี่ประเพณี ศาสนาเจริญๆ ศาสนาเจริญ อะไรเจริญ สร้างสิ่งใดขึ้นมาจะเป็นวัตถุ ถาวรวัตถุขนาดไหนก็แล้วแต่รอวันเสื่อมค่า ไม่มีอะไรคงที่หรอก สิ่งใดไม่มีอะไรคงที่เลย

ถ้าไปหาเรื่องโลกนี้ หาธรรมะไม่เจอ หาธรรมะเจอ หาที่นามธรรม หาที่ความรู้สึก ความรู้สึกนั้นคือความรู้สึกในหัวใจของเรา ถ้าความรู้สึกในหัวใจของเรา สิ่งที่ความรู้สึกของเรา

เวลามาวัด มีคนมามากนะ มาที่นี่แล้วกลับไป มาถึงมาถามๆ เสร็จ “ไม่เห็นมีอะไรเลย” เอาอาหารมาถวายพระ แล้วก็กลับ “ไม่เห็นมีอะไรเลย” ในไม่มีนั้นน่ะมันมีมหาศาลเลย ในมี เวลามีพิธีกรรม ต้องมากล่าวคำถวายทานกล่าวอะไร นี่ประเพณี กล่าวคำถวายทาน กล่าวคำถวายทานเสร็จแล้วนะ ต้องกราบพระ ต้องดูแลพระ ต้องสวดมนต์ ต้องพาหุง ไม่พาหุงไม่ให้กินข้าว พระขี้เกียจ พระไม่ทำงาน แต่เวลาพาหุงขึ้นมานะ ได้บุญกุศล งั้นอัดเทปไว้เปิดทั้งวันก็ได้ พาหุงน่ะเปิดทั้งวันเลย แล้วมันจะได้บุญขึ้นมา มันอยู่ที่การกระทำนะ

พระนี่มันอยู่ที่กิริยามารยาท สมณะสารูป เพราะอะไร ต่างคนต่างเห็นภัยในวัฏสงสาร เราก็เห็นภัย ใจเราเป็นธรรมขึ้นมา เรามีเจตนาตั้งแต่เราเตรียมอาหารแล้ว เราจะไปถวายพระ พอพระท่านท่านก็เห็นภัย พระที่ปฏิบัติ.. “พระที่นี่เคร่งมาก พระที่นี่ไม่ปฏิสันถาร พระที่นี่ไม่ต้อนรับ..” นั่นเขาดูใจของเขา เขารักษาใจของเขา ใจนี่มันรักษาได้ยากมาก ถ้าใจรักษาได้ยากมาก เขามาปฏิสันถาร มาพูดอยู่กับเรา แล้วเวลาพอกลับไปแล้ว เดินจงกรม ไอ้พูดไปผิดหรือถูก ดีหรือไม่ดี มันเข้าไปกวนใจท่านตลอดเวลา พระก็เห็นภัยในภัยของพระ นี่อริยประเพณี

เพราะภัตกิจมันต้องมีการขบฉันเพื่อดำรงชีวิต ดำรงชีวิตเพื่ออะไร ก็เพื่อให้ประพฤติปฏิบัติ ไม่ใช่ดำรงชีวิตไว้ต้อนรับเรา ไม่ใช่ดำรงชีวิตไว้เป็นคนใช้คอยต้อนรับ ดำรงชีวิตไว้เพื่อจะประพฤติปฏิบัติ ดำรงชีวิตเพื่อจะเอาตัวให้พ้นจากกิเลส แล้วท่านก็ต้องการเวลาของท่าน แล้วเอาเวลาของเรา จริงอยู่ เรามาจากโลกนะเราก็มีความจำเป็น เราก็มีความรับผิดชอบ อันนั้นรับผิดชอบมันก็รับผิดชอบ

นี่บริษัท ๔ เราพูดประจำ พระพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา.. อุบาสก อุบาสิกา นี่คฤหัสถ์ก็เป็นเจ้าของศาสนา เป็นเจ้าของศาสนานะ วัดนี้ ดูสิ ใครบอกวัดนี้สร้างใหญ่โตมาก หลวงพ่อเอาตังค์มาจากไหน.. ก็เอามาจากโยมน่ะ เรามีตังค์สักสลึงไหม ถ้าเรามีตังค์ก็แสดงว่าเราทุจริต เราไม่มีตังค์เลย ตังค์นี้มาจากของใคร เงินที่การก่อสร้างนี้มาจากใคร ก็มาจากศรัทธาความเชื่อของเขา นี้ศรัทธาความเชื่อของเขา แล้วเราบริหารจัดการให้ศรัทธาความเชื่อนั้นมันประสบความสำเร็จได้อย่างไร ถ้าเป็นศรัทธาความเชื่อ เริ่มต้นผู้ให้ให้ด้วยความบริสุทธิ์ ผู้รับรับด้วยความบริสุทธิ์ ความบริสุทธิ์นั้นก็ให้มันบริสุทธิ์ตลอดไปเพื่อเป็นประโยชน์กับโลก ประโยชน์กับโลกนะ

โลกคืออะไร โลกคือวัฏฏะ โลกทัศน์ โลกความเห็นของเรา เราจะดัดแปลงโลก เราจะดัดแปลงความรู้สึก ความนึกคิดของเรา ความรู้สึกนึกคิดเราดัดแปลงมัน ถ้าดัดแปลงมันน่ะ เราจะลงทุนลงแรงขนาดไหน “อัตตา หิ อัตตโน นาโถ.. ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ตนเท่านั้น.. บ่อน้ำของเรา แผ่นดินของเรา ร่างกายของเรา ผืนดินของเราน่ะ ในที่ดินของเราน่ะ เรามีสิทธิขุดบ่อน้ำ เราจะไปขุดบ่อน้ำที่แผ่นดินของคนอื่นไม่ได้ แผ่นดินของคนอื่นไปขุดน่ะ เขาก็หาว่าบุกรุก นี่เหมือนกัน เรื่องของคนอื่น เรื่องของการกระทำของเขา ทำไมหลวงพ่อเอ็ดแต่เราคนเดียว คนอื่นไม่เห็นเอ็ดเลย คนอื่นทำอะไรก็ดีไปหมดเลย ดูพฤติกรรมเขาสิ พฤติกรรมเขาเขาทำเพื่ออะไร คนบางคณะมา เขามาลง..(เทปขัดข้อง)

..ดอกไม้ก็ดอกไม้ มาลัยก็มาลัย ความรู้สึกมันไม่ใช่! ความรู้สึกของเรามันอีกเรื่องหนึ่ง สิ่งนั้นทำมาก็เพื่อให้ตั้งเป้า แล้วตั้งเป้า ดูสิ เราจะออกรถวันนี้ จะไปไหน ตั้งเป้าแล้วออกไป นี่สิ่งอำนาจวาสนา ประเพณีก็ตั้งเป้า เป้าว่าจิตจะไปไหน ถ้าไม่ได้ไปไหนเลย รถมันก็ไปตามแรงขับของมัน ถ้าไม่ตั้งเป้าอะไรเลย มันก็บุญวาสนา บุญกุศล บาปอกุศล มันก็พาจิตนี้ไป บาปและบุญในใจเราที่ทำมา มันเป็นแรงขับ มันจะขับให้จิตนี้ไป แล้วถ้าตั้งเป้าในศาสนา เราจะบังคับให้รถไปตามแรงปรารถนาของเรา นี่อธิษฐานบารมี ตั้งเป้า แล้วตั้งเป้าขึ้นมาแล้วจะไปไหน ถ้าไม่ตั้งเป้า ไม่มีการกระทำเลย เราจะเวียนไปอย่างนั้น.. สวะไปตามน้ำ น้ำไหลไปไหน สวะจะตามน้ำไป ชีวิตนี้เหมือนสวะ ทำบุญกุศล ทำบาปอกุศลก็ให้สวะมันขับเคลื่อนไป แต่ถ้าเรามีหลักของเรา เราไม่เป็นสวะ

นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.. ทวนกระแส เราเป็นปลาเป็น เราไม่ใช่สวะลอยไปตามน้ำ เราเป็นสิ่งมีชีวิต เราจะว่ายทวนน้ำขึ้นไป ถ้าไหว้ทวนน้ำขึ้นไป มันก็ต้องดัดแปลงใจเรา มันจะไม่มีอะไรถูกใจสักอย่างหนึ่งเลย

ศีล คือ การบังคับให้จิตเป็นปกติ

สมาธิ คือ ทำให้ใจมีหลักมีเกณฑ์

ปัญญา คือ การแก้ไข

ศาสนามันอยู่ที่นี่นะ ศาสนามันอยู่ที่ข้อวัตรปฏิบัติ อยู่ที่การกระทำ ที่ว่าไม่ต้อนรับ ไม่อะไรเลยน่ะ.. ต้อนรับมันก็เป็นพิธีนะ มันเป็นเวล่ำเวลา มันเป็นอันนั้นของมันไป แต่ถ้ามันหนักหนาสาหัสสากรรจ์นะ เห็นไหม โลกเป็นใหญ่ ถ้าโลกเป็นใหญ่ มันจะเป็นไปกระแสโลกหมด ฉะนั้น โลกเป็นใหญ่ โลกความคิด โลกทัศน์

โลกทัศน์ คือ ความเห็นของใจของคนมันหลากหลาย แล้วถ้ามันเป็นใหญ่ มันจะจบสิ้นที่ไหน มันถึงจะต้องเอาข้อวัตรปฏิบัติเป็นที่ตั้ง ข้อวัตรปฏิบัตินี้มันก็เป็นสมมุติอันหนึ่ง เหมือนบ่อน้ำ บ่อน้ำเราขุดขึ้นมา เราต้องทำให้มันมั่นคง มันก็เป็นบ่อน้ำอันหนึ่ง เราจะตักน้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ เราก็ต้องตายจากบ่อน้ำนั้นไปเหมือนกัน สิ่งนี้เป็นสมมุติทั้งหมด แต่สมมุติดำรงชีวิตสิ่งที่ดี นี่ข้อวัตรปฏิบัติเป็นสิ่งที่เราจะเอามาเป็นเครื่องขอบหมาย

แต่! แต่เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมาแล้ว นี่ธรรมอยู่ที่ไหน? ธรรมอยู่ที่ไหน?

ธรรม คือ หัวใจ สิ่งที่ประสบความสำเร็จนั้นไง

เป้าอยู่ที่ไหน? วิธีการต่างๆ การกระทำ สิ่งต่างๆ นี้เป็นการกระทำทั้งหมด แต่! แต่ในการกระทำมันก็มีความจำเป็น ขณะที่กระทำอยู่ คนทำงาน คนอาบเหงื่อต่างน้ำทุกข์ทั้งนั้นน่ะ แล้วทุกข์ มันก็อยากให้คนช่วยเหลือ อยากให้คนเจือจาน แล้วสิ่งใดเขาเหนื่อยยากอยู่ เราไปกัด ไปกีด ไปขวางเขานะ เขาจะเกิดความท้อแท้ เขาจะเกิดความเสียใจอีกมหาศาลเลย

ในการประพฤติปฏิบัติของพระก็เหมือนกัน เขาต้องการเวลาของเขา ต้องการการกระทำของเขา แล้วทำไมไม่ไปอยู่ป่าล่ะ? ก็อยู่ป่าแล้ว พยายามอยู่ป่าอยู่ ทีนี้อยู่ป่าคนมันก็ต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัย มีดำรงชีวิตไง มันมีความจำเป็น ไม่อย่างนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่วางธรรมวินัยไว้กับบริษัท ๔ หรอก นี่คฤหัสถ์ก็มีหน้าที่ของเขา ภิกษุผู้เห็นภัยในวัฏสงสารก็มีหน้าที่ของภิกษุ ภิกษุกับคฤหัสถ์มันต่างกัน มันไม่ใช่คนๆ เดียวกัน มนุษย์เหมือนกัน เป็นมนุษย์ พอบวชแล้วก็เป็นพระ พอสึกจากพระไปก็เป็นมนุษย์ นี่มันมาจากมนุษย์นั่นแหละ แต่! แต่จริงตามสมมุติ เราถึงต้องเคารพให้ความสมมุตินั้น แล้วให้มันจริงจังนะ

ถึงต่อไปนี้นะ ประกาศ! จะไม่มีการรดน้ำอีกแล้ว แล้วถ้ามีปัญหาขึ้นมา การเวียนเทียนก็จะยกเลิก ประเพณีจะยกเลิกให้หมด แล้วจะต้องภาวนาอย่างเดียว เอวัง